Unit 3: สิ่งของรอบตัวและในห้องเรียน (Objects Around You & In the Classroom)

เป้าหมายบทเรียน (Goals)

คำศัพท์ (Vocabulary)

สิ่งของทั่วไป (Common Objects):

สิ่งของในห้องเรียน (Classroom Objects):

คำศัพท์เพิ่มเติม (Additional Vocabulary):

ไวยากรณ์ (Grammar)

คำนามเอกพจน์และพหูพจน์ (Singular and Plural Nouns)

วิธีทำให้นามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ (เบื้องต้น):

  1. เติม -s: โดยทั่วไป เราเติม -s ท้ายคำนามเอกพจน์ได้เลย
    • pen → pens
    • book → books
    • chair → chairs
    • car → cars
  2. เติม -es: ถ้าคำนามลงท้ายด้วย -s, -ss, -sh, -ch, -x, -z ให้เติม -es (อ่านออกเสียงเพิ่ม 1 พยางค์ /อิซ/)
    • bus → buses (บัส-เซส)
    • box → boxes (บ็อกซ์-เซส)
    • watch → watches (วอทช์-เชส)
    • dish → dishes (ดิช-เชส)

(ยังมีกฎอื่น ๆ อีก เช่น คำที่ลงท้ายด้วย -y หรือคำที่เปลี่ยนรูปไปเลย เช่น man → men แต่เราจะค่อย ๆ เรียนในบทต่อ ๆ ไปนะครับ/คะ ตอนนี้จำหลักการเติม -s กับ -es ให้ได้ก่อน)

ข้อควรจำเน้นๆ สำหรับคนไทย:

คำนำหน้านาม A / AN (Indefinite Articles)

ข้อควรจำเน้นๆ สำหรับคนไทย:

คำชี้เฉพาะ THIS / THAT (Demonstratives)

(สำหรับ This/That ที่ใช้กับพหูพจน์ คือ These/Those เราจะเรียนในบทถัด ๆ ไป)

การบอกว่า "มี" (Have / Has)

เมื่อเราต้องการบอกว่า ใครมีอะไร, เราใช้กริยา have (แฮฟ) หรือ has (แฮส) ซึ่งแปลว่า "มี" * ใช้ have กับประธาน I, You, We, They: I have a book. (ฉันมีหนังสือ 1 เล่ม) * ใช้ has กับประธาน He, She, It: She has a cat. (หล่อนมีแมว 1 ตัว)

(เราจะเรียนเรื่องนี้ละเอียดขึ้นในบทเกี่ยวกับ Present Simple Tense แต่ตอนนี้ให้จำการใช้กับสิ่งของง่ายๆ ก่อน)

การออกเสียง (Pronunciation Focus)

ตัวอย่างประโยคและบทสนทนา (Examples & Dialogues)

ตัวอย่างประโยค (Example Sentences)

บทสนทนา: ในห้องเรียน (Dialogue: In the Classroom)

(Teacher: ครู, Student: นักเรียน) Teacher: Good morning, class. Please open your books. (สวัสดีตอนเช้า นักเรียนทุกคน กรุณาเปิดหนังสือ) Student: Excuse me, teacher. What page? (ขอโทษครับ/ค่ะ คุณครู หน้าไหนครับ/คะ?) Teacher: Page 10. Okay, look at this picture on the board. What is this? (ชี้ไปที่รูปภาพใกล้ๆ) (หน้า 10 ครับ โอเค ดูรูปภาพนี้บนกระดาน นี่คืออะไร?) Student: It's a cat. (มันคือแมวครับ/ค่ะ) Teacher: Correct. And what is that? (ชี้ไปที่สิ่งของไกลออกไป) (ถูกต้อง แล้วนั่นคืออะไร?) Student: That's a window. (นั่นคือหน้าต่างครับ/ค่ะ) Teacher: Very good. Now, take out a pen or a pencil. We will do an exercise. (ดีมาก ตอนนี้หยิบปากกาหรือดินสอออกมา เราจะทำแบบฝึกหัดกัน)

บทอ่าน (Reading Passage)

English: This is a desk. I have a computer, a notebook, and two pens on my desk. I also have a lamp. That is a bag on the chair. In the bag, I have a phone, keys, and an apple for lunch. The classroom has many tables and chairs. There is a big board at the front. It's a nice classroom.

ภาษาไทย: นี่คือโต๊ะเรียนตัวหนึ่ง ฉันมีคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง, สมุดบันทึก 1 เล่ม, และปากกา 2 ด้ามอยู่บนโต๊ะ ฉันมีโคมไฟ 1 อันด้วย นั่นคือกระเป๋าใบหนึ่งที่อยู่บนเก้าอี้ ในกระเป๋าใบนั้นมีโทรศัพท์ 1 เครื่อง, กุญแจ (หลายดอก), และแอปเปิ้ล 1 ผลสำหรับมื้อกลางวัน ห้องเรียนนั้นมีโต๊ะและเก้าอี้หลายตัว มีกระดานใหญ่ 1 อันอยู่ด้านหน้า มันเป็นห้องเรียนที่ดีห้องหนึ่ง

(คำแปล: บทอ่านนี้บรรยายสิ่งของบนโต๊ะและในห้องเรียนของผู้เขียน ใช้ This is..., That is..., a/an, และคำนามพหูพจน์ที่เติม -s เช่น pens, keys, tables, chairs)

เกร็ดน่ารู้สำหรับคนไทย (Tips for Thais)

ย้ำอีกครั้งเรื่อง Plurals (-s): สำคัญมาก! เวลาพูดถึงของมากกว่า 1 ชิ้น อย่าลืมเติมเสียง -s/-es ท้ายคำนาม เช่น two cats, three boxes. แรกๆ อาจจะลืมบ่อย ไม่เป็นไร ค่อยๆ ฝึก เดี๋ยวก็ชินครับ/ค่ะ

ย้ำอีกครั้งเรื่อง Articles (a/an): ภาษาอังกฤษ "บังคับ" ให้ใส่ a หรือ an หน้าคำนามเอกพจน์นับได้เสมอ ถ้าไม่ได้เจาะจงอันไหนเป็นพิเศษ เช่น จะบอกว่า "นี่คือหมา" ต้องพูดว่า "This is a dog." (ถ้าเห็นตัวเดียว) ไม่ใช่ "This is dog." เฉยๆ การไม่ใส่ a/an เป็นข้อผิดพลาดที่พบบ่อยมาก

มี... ในภาษาอังกฤษ: ภาษาไทยเราพูดว่า "มีโต๊ะในห้อง" ถ้าจะพูดเป็นอังกฤษ อย่าเพิ่งแปลตรงตัวว่า "Have table in room." นะครับ/คะ! การบอกว่า "มี" อะไรอยู่ที่ไหน เรามักใช้โครงสร้าง There is / There are (ซึ่งจะเรียนในบทต่อๆ ไป) แต่ถ้าจะบอกว่า "ฉันมีปากกา" อันนี้ใช้ I have a pen. ได้ตามปกติ (เดี๋ยวเรื่อง have/has กับ There is/are จะมีอธิบายละเอียดอีกที)


แบบฝึกหัด (Exercises)

** 1. เอกพจน์ หรือ พหูพจน์? (Singular or Plural?) **

เขียน 'S' สำหรับเอกพจน์ และ 'P' สำหรับพหูพจน์ หน้าคำต่อไปนี้: a. _ book b. chairs c. apple d. _ pens e. bus f. boxes

** 2. เติมรูปพหูพจน์ (Write the plural form) **

a. car -> _ b. table -> _ c. watch -> _ d. key -> _ e. dish -> _ f. house -> _

** 3. เลือก a หรือ an (Choose a or an) **

a. _ pen b. eraser c. computer d. _ hour e. door f. old book (คำว่า old ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ)

** 4. เติม This is หรือ That is (Fill in with This is or That is) **

a. __ my phone. (โทรศัพท์อยู่ในมือคุณ) b. _ a bird in the tree. (คุณชี้ไปที่นกบนต้นไม้ไกลๆ) c. __ a key on the table here. (กุญแจวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าคุณ) d. Look! _ a car over there. (มองดูสิ! นั่นคือรถยนต์คันหนึ่งตรงนั้น)

** 5. แปลเป็นภาษาอังกฤษ (Translate into English) **

a. นี่คือหนังสือ 1 เล่ม _____ b. นั่นคือยางลบ 1 ก้อน _____ c. ฉันมีปากกา 3 ด้าม _____ d. นี่คืออะไร? มันคือแอปเปิ้ล _____


(เฉลยแบบฝึกหัดจะอยู่ท้ายเล่ม)

บทเรียนถัดไป (Next Unit)

เราจะไปเรียนเรื่อง ตัวเลข การบอกวันในสัปดาห์ และการถาม-บอกเวลาเบื้องต้นกันครับ/ค่ะ!


Next: Unit 4: ตัวเลข วัน และเวลา (Numbers, Days & Time) →