Unit 3: สิ่งของรอบตัวและในห้องเรียน (Objects Around You & In the Classroom)
เป้าหมายบทเรียน (Goals)
- เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับสิ่งของทั่วไปและสิ่งของในห้องเรียน
- เข้าใจความแตกต่างระหว่างคำนามเอกพจน์ (singular) และพหูพจน์ (plural)
- สามารถเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์โดยการเติม -s หรือ -es ได้เบื้องต้น
- รู้จักและใช้คำนำหน้านาม (articles) a และ an ได้ถูกต้อง
- ใช้คำชี้เฉพาะ this (นี่) และ that (นั่น) สำหรับสิ่งของเอกพจน์ได้
คำศัพท์ (Vocabulary)
สิ่งของทั่วไป (Common Objects):
- book (บุค) - หนังสือ (noun / คำนาม)
- pen (เพ็น) - ปากกา (noun / คำนาม)
- pencil (เพ็นซิล) - ดินสอ (noun / คำนาม)
- bag (แบก) - กระเป๋า (noun / คำนาม)
- chair (แชร์) - เก้าอี้ (noun / คำนาม)
- table (เทเบิล) - โต๊ะ (noun / คำนาม)
- phone (โฟน) - โทรศัพท์ (noun / คำนาม)
- key (คี) - กุญแจ (noun / คำนาม)
- car (คาร์) - รถยนต์ (noun / คำนาม)
- house (เฮาส์) - บ้าน (noun / คำนาม)
- window (วินโดว์) - หน้าต่าง (noun / คำนาม)
- door (ดอร์) - ประตู (noun / คำนาม)
สิ่งของในห้องเรียน (Classroom Objects):
- desk (เดสค์) - โต๊ะเรียน (noun / คำนาม)
- board (บอร์ด) - กระดาน (noun / คำนาม)
- computer (คอมพิวเตอร์) - คอมพิวเตอร์ (noun / คำนาม)
- notebook (โน้ตบุ๊ค) - สมุดบันทึก (noun / คำนาม)
- ruler (รูลเลอร์) - ไม้บรรทัด (noun / คำนาม)
- eraser (อิเรเซอร์) - ยางลบ (noun / คำนาม)
- map (แมพ) - แผนที่ (noun / คำนาม)
- picture (พิคเจอร์) - รูปภาพ (noun / คำนาม)
คำศัพท์เพิ่มเติม (Additional Vocabulary):
- bus (บัส) - รถบัส (noun / คำนาม)
- box (บ็อกซ์) - กล่อง (noun / คำนาม)
- watch (วอทช์) - นาฬิกาข้อมือ (noun / คำนาม)
- dish (ดิช) - จาน (noun / คำนาม)
- apple (แอปเปิ้ล) - แอปเปิ้ล (noun / คำนาม)
- hour (อาวร์) - ชั่วโมง (noun / คำนาม)
- cat (แคท) - แมว (noun / คำนาม)
- big (บิก) - ใหญ่ (adjective / คำคุณศัพท์)
- lamp (แลมป์) - โคมไฟ (noun / คำนาม)
- lunch (ลันช์) - อาหารกลางวัน (noun / คำนาม)
- classroom (คลาสรูม) - ห้องเรียน (noun / คำนาม)
- front (ฟรอนท์) - ด้านหน้า (noun / คำนาม)
- nice (ไนซ์) - ดี, สวย, น่ารัก (adjective / คำคุณศัพท์)
- dog (ด็อก) - หมา, สุนัข (noun / คำนาม)
- room (รูม) - ห้อง (noun / คำนาม)
- old (โอลด์) - เก่า (adjective / คำคุณศัพท์)
- bird (เบิร์ด) - นก (noun / คำนาม)
- tree (ทรี) - ต้นไม้ (noun / คำนาม)
- page (เพจ) - หน้า (หนังสือ) (noun / คำนาม)
- correct (คอเร็คท์) - ถูกต้อง (adjective / คำคุณศัพท์)
- exercise (เอ็กเซอร์ไซส์) - แบบฝึกหัด (noun / คำนาม)
- over there (โอเวอร์ แดร์) - ตรงนั้น, ตรงโน้น (phrase / วลี)
- have (แฮฟ) - มี (verb / คำกริยา)
- has (แฮส) - มี (verb / คำกริยา)
- two (ทู) - สอง (number / ตัวเลข)
- three (ธรี) - สาม (number / ตัวเลข)
- open (โอเพิน) - เปิด (verb / คำกริยา)
- look at (ลุค แอท) - มองไปที่ (phrasal verb / กริยาวลี)
- take out (เทค เอาท์) - หยิบออกมา (phrasal verb / กริยาวลี)
- rubber (รับเบอร์) - ยางลบ (noun / คำนาม)
- man (แมน) - ผู้ชาย (noun / คำนาม)
- men (เม็น) - ผู้ชาย (plural noun / คำนามพหูพจน์)
- there is (แดร์ อิซ) - มี... (phrase / วลี)
- there are (แดร์ อาร์) - มี... (phrase / วลี)
ไวยากรณ์ (Grammar)
คำนามเอกพจน์และพหูพจน์ (Singular and Plural Nouns)
- Singular Noun (คำนามเอกพจน์): หมายถึง สิ่งของ สัตว์ หรือคน เพียงหนึ่งเดียว เช่น a book (หนังสือ 1 เล่ม), a cat (แมว 1 ตัว)
- Plural Noun (คำนามพหูพจน์): หมายถึง สิ่งของ สัตว์ หรือคน ตั้งแต่สองอย่าง/คน ขึ้นไป เช่น two books (หนังสือ 2 เล่ม), three cat**s (แมว 3 ตัว)
วิธีทำให้นามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ (เบื้องต้น):
- เติม -s: โดยทั่วไป เราเติม -s ท้ายคำนามเอกพจน์ได้เลย
- pen → pens
- book → books
- chair → chairs
- car → cars
- เติม -es: ถ้าคำนามลงท้ายด้วย -s, -ss, -sh, -ch, -x, -z ให้เติม -es (อ่านออกเสียงเพิ่ม 1 พยางค์ /อิซ/)
- bus → buses (บัส-เซส)
- box → boxes (บ็อกซ์-เซส)
- watch → watches (วอทช์-เชส)
- dish → dishes (ดิช-เชส)
(ยังมีกฎอื่น ๆ อีก เช่น คำที่ลงท้ายด้วย -y หรือคำที่เปลี่ยนรูปไปเลย เช่น man → men แต่เราจะค่อย ๆ เรียนในบทต่อ ๆ ไปนะครับ/คะ ตอนนี้จำหลักการเติม -s กับ -es ให้ได้ก่อน)
ข้อควรจำเน้นๆ สำหรับคนไทย:
- ภาษาไทยไม่มีการเติม -s บอกพหูพจน์! เราพูดว่า "หนังสือ 1 เล่ม" หรือ "หนังสือ 5 เล่ม" คำว่า "หนังสือ" ยังเหมือนเดิม แต่ภาษาอังกฤษ ต้องเปลี่ยน คำนามเมื่อมีมากกว่าหนึ่ง -> one book vs five books**
- ต้องฝึกเติม -s/-es ให้ติดเป็นนิสัย เวลาพูดถึงของหลายชิ้น อย่าลืมเด็ดขาด เพราะนี่เป็นจุดที่คนไทยพลาดบ่อยมาก ๆ ทำให้ฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ
คำนำหน้านาม A / AN (Indefinite Articles)
- a และ an เป็นคำนำหน้านาม (articles) ใช้วางหน้าคำนามเอกพจน์นับได้ (singular countable noun) ที่กล่าวถึง ครั้งแรก หรือ ไม่เจาะจง ว่าเป็นอันไหน แปลประมาณว่า "หนึ่ง..."
- กฎการใช้:
- ใช้ a นำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วย เสียงพยัญชนะ (consonant sound)
- a book (อะ บุค) - หนังสือเล่มหนึ่ง
- a cat (อะ แคท) - แมวตัวหนึ่ง
- a pen (อะ เพ็น) - ปากกาด้ามหนึ่ง
- a university (อะ ยูนิเวอร์ซิตี้) - มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง (แม้จะขึ้นต้นด้วย u ซึ่งเป็นสระ แต่เสียงแรกคือ /ย/ ซึ่งเป็นเสียงพยัญชนะ)
- ใช้ an นำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วย เสียงสระ (vowel sound - เสียง อะ อา อิ อี อุ อู เอะ เอ โอะ ออ)
- an apple (แอน แอปเปิ้ล) - แอปเปิ้ลผลหนึ่ง
- an eraser (แอน อิเรเซอร์) - ยางลบก้อนหนึ่ง
- an hour (แอน อาวร์) - ชั่วโมงหนึ่ง (แม้จะขึ้นต้นด้วย h ซึ่งเป็นพยัญชนะ แต่ไม่ออกเสียง h เสียงแรกคือ /อา/ ซึ่งเป็นเสียงสระ)
- ใช้ a นำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วย เสียงพยัญชนะ (consonant sound)
ข้อควรจำเน้นๆ สำหรับคนไทย:
- ภาษาไทยไม่มี a/an! เราพูดว่า "มีปากกา" เฉยๆ ได้ แต่ภาษาอังกฤษถ้าหมายถึงปากกา 1 ด้ามที่ไม่เจาะจง ต้องพูดว่า I have a pen.
- การเลือก a หรือ an ขึ้นอยู่กับ เสียง แรก ไม่ใช่ ตัวอักษร แรก (ดูตัวอย่าง a university กับ an hour)
- ใช้ a/an กับคำนามนับได้ที่เป็น เอกพจน์เท่านั้น (ห้ามใช้กับพหูพจน์ หรือนามนับไม่ได้ เช่น water, rice)
คำชี้เฉพาะ THIS / THAT (Demonstratives)
- This (ธิส) แปลว่า "นี่" ใช้ชี้สิ่งของ เอกพจน์ ที่อยู่ ใกล้ ตัวผู้พูด
- This is a pen. (นี่คือปากกาหนึ่งด้าม - ปากกาอยู่ใกล้)
-
That (แธท) แปลว่า "นั่น" ใช้ชี้สิ่งของ เอกพจน์ ที่อยู่ ไกล ตัวผู้พูด
- That is a book. (นั่นคือหนังสือเล่มหนึ่ง - หนังสืออยู่ไกล)
-
โครงสร้างประโยค:
- This is + a/an + นามเอกพจน์.
- That is + a/an + นามเอกพจน์.
- รูปย่อ: That is → That's (แธทส) (This is ไม่นิยมย่อ)
- คำถาม:
- What is this? (นี่คืออะไร?) -> It's a key. / This is a key.
- What is that? (นั่นคืออะไร?) -> It's a map. / That's a map.
(สำหรับ This/That ที่ใช้กับพหูพจน์ คือ These/Those เราจะเรียนในบทถัด ๆ ไป)
การบอกว่า "มี" (Have / Has)
เมื่อเราต้องการบอกว่า ใครมีอะไร, เราใช้กริยา have (แฮฟ) หรือ has (แฮส) ซึ่งแปลว่า "มี" * ใช้ have กับประธาน I, You, We, They: I have a book. (ฉันมีหนังสือ 1 เล่ม) * ใช้ has กับประธาน He, She, It: She has a cat. (หล่อนมีแมว 1 ตัว)
(เราจะเรียนเรื่องนี้ละเอียดขึ้นในบทเกี่ยวกับ Present Simple Tense แต่ตอนนี้ให้จำการใช้กับสิ่งของง่ายๆ ก่อน)
การออกเสียง (Pronunciation Focus)
- เสียงท้าย -s/-es: ฝึกออกเสียงพหูพจน์ให้ชัดเจน
- books (บุคส์ - เสียง /s/)
- pens (เพ็นส์ - เสียง /z/)
- chairs (แชร์ส - เสียง /z/)
- boxes (บ็อกซ์-เซส - เสียง /ɪz/ หรือ /əz/)
- watches (วอทช์-เชส - เสียง /ɪz/ หรือ /əz/)
- ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียง /s/ หรือ /z/ มากนักในตอนนี้ แค่พยายามออกเสียง 'สึ' หรือ 'ซึ' เบาๆ ต่อท้ายให้ได้ก่อนก็เก่งแล้วครับ/ค่ะ!
- เสียง TH: ในคำว่า this /ðɪs/ และ that /ðæt/ ต้องออกเสียง /ð/ (เสียง ด.เด็ก แต่เอาลิ้นแตะหลังฟันบน หรือแลบออกมานิดๆ แล้วสั่นคอ) ซึ่งไม่มีในภาษาไทย ฝึกออกเสียงให้ใกล้เคียงที่สุด
ตัวอย่างประโยคและบทสนทนา (Examples & Dialogues)
ตัวอย่างประโยค (Example Sentences)
- I have a pen and two pencils. (ฉันมีปากกา 1 ด้าม และดินสอ 2 แท่ง)
- This is an eraser. (นี่คือยางลบ 1 ก้อน)
- That's a big house. (นั่นคือบ้านหลังใหญ่ 1 หลัง)
- She has three bags. (หล่อนมีกระเป๋า 3 ใบ)
- Look at that bus! (ดูรถบัสคันนั้นสิ!)
- What's this? It's a key. (นี่คืออะไร? มันคือกุญแจ)
- What's that? That's a big tree. (นั่นคืออะไร? นั่นคือต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง)
บทสนทนา: ในห้องเรียน (Dialogue: In the Classroom)
(Teacher: ครู, Student: นักเรียน) Teacher: Good morning, class. Please open your books. (สวัสดีตอนเช้า นักเรียนทุกคน กรุณาเปิดหนังสือ) Student: Excuse me, teacher. What page? (ขอโทษครับ/ค่ะ คุณครู หน้าไหนครับ/คะ?) Teacher: Page 10. Okay, look at this picture on the board. What is this? (ชี้ไปที่รูปภาพใกล้ๆ) (หน้า 10 ครับ โอเค ดูรูปภาพนี้บนกระดาน นี่คืออะไร?) Student: It's a cat. (มันคือแมวครับ/ค่ะ) Teacher: Correct. And what is that? (ชี้ไปที่สิ่งของไกลออกไป) (ถูกต้อง แล้วนั่นคืออะไร?) Student: That's a window. (นั่นคือหน้าต่างครับ/ค่ะ) Teacher: Very good. Now, take out a pen or a pencil. We will do an exercise. (ดีมาก ตอนนี้หยิบปากกาหรือดินสอออกมา เราจะทำแบบฝึกหัดกัน)
บทอ่าน (Reading Passage)
English: This is a desk. I have a computer, a notebook, and two pens on my desk. I also have a lamp. That is a bag on the chair. In the bag, I have a phone, keys, and an apple for lunch. The classroom has many tables and chairs. There is a big board at the front. It's a nice classroom.
ภาษาไทย: นี่คือโต๊ะเรียนตัวหนึ่ง ฉันมีคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง, สมุดบันทึก 1 เล่ม, และปากกา 2 ด้ามอยู่บนโต๊ะ ฉันมีโคมไฟ 1 อันด้วย นั่นคือกระเป๋าใบหนึ่งที่อยู่บนเก้าอี้ ในกระเป๋าใบนั้นมีโทรศัพท์ 1 เครื่อง, กุญแจ (หลายดอก), และแอปเปิ้ล 1 ผลสำหรับมื้อกลางวัน ห้องเรียนนั้นมีโต๊ะและเก้าอี้หลายตัว มีกระดานใหญ่ 1 อันอยู่ด้านหน้า มันเป็นห้องเรียนที่ดีห้องหนึ่ง
(คำแปล: บทอ่านนี้บรรยายสิ่งของบนโต๊ะและในห้องเรียนของผู้เขียน ใช้ This is..., That is..., a/an, และคำนามพหูพจน์ที่เติม -s เช่น pens, keys, tables, chairs)
เกร็ดน่ารู้สำหรับคนไทย (Tips for Thais)
ย้ำอีกครั้งเรื่อง Plurals (-s): สำคัญมาก! เวลาพูดถึงของมากกว่า 1 ชิ้น อย่าลืมเติมเสียง -s/-es ท้ายคำนาม เช่น two cats, three boxes. แรกๆ อาจจะลืมบ่อย ไม่เป็นไร ค่อยๆ ฝึก เดี๋ยวก็ชินครับ/ค่ะ
ย้ำอีกครั้งเรื่อง Articles (a/an): ภาษาอังกฤษ "บังคับ" ให้ใส่ a หรือ an หน้าคำนามเอกพจน์นับได้เสมอ ถ้าไม่ได้เจาะจงอันไหนเป็นพิเศษ เช่น จะบอกว่า "นี่คือหมา" ต้องพูดว่า "This is a dog." (ถ้าเห็นตัวเดียว) ไม่ใช่ "This is dog." เฉยๆ การไม่ใส่ a/an เป็นข้อผิดพลาดที่พบบ่อยมาก
มี... ในภาษาอังกฤษ: ภาษาไทยเราพูดว่า "มีโต๊ะในห้อง" ถ้าจะพูดเป็นอังกฤษ อย่าเพิ่งแปลตรงตัวว่า "Have table in room." นะครับ/คะ! การบอกว่า "มี" อะไรอยู่ที่ไหน เรามักใช้โครงสร้าง There is / There are (ซึ่งจะเรียนในบทต่อๆ ไป) แต่ถ้าจะบอกว่า "ฉันมีปากกา" อันนี้ใช้ I have a pen. ได้ตามปกติ (เดี๋ยวเรื่อง have/has กับ There is/are จะมีอธิบายละเอียดอีกที)
แบบฝึกหัด (Exercises)
** 1. เอกพจน์ หรือ พหูพจน์? (Singular or Plural?) **
เขียน 'S' สำหรับเอกพจน์ และ 'P' สำหรับพหูพจน์ หน้าคำต่อไปนี้: a. _ book b. chairs c. apple d. _ pens e. bus f. boxes
** 2. เติมรูปพหูพจน์ (Write the plural form) **
a. car -> _ b. table -> _ c. watch -> _ d. key -> _ e. dish -> _ f. house -> _
** 3. เลือก a หรือ an (Choose a or an) **
a. _ pen b. eraser c. computer d. _ hour e. door f. old book (คำว่า old ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ)
** 4. เติม This is หรือ That is (Fill in with This is or That is) **
a. __ my phone. (โทรศัพท์อยู่ในมือคุณ) b. _ a bird in the tree. (คุณชี้ไปที่นกบนต้นไม้ไกลๆ) c. __ a key on the table here. (กุญแจวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าคุณ) d. Look! _ a car over there. (มองดูสิ! นั่นคือรถยนต์คันหนึ่งตรงนั้น)
** 5. แปลเป็นภาษาอังกฤษ (Translate into English) **
a. นี่คือหนังสือ 1 เล่ม _____ b. นั่นคือยางลบ 1 ก้อน _____ c. ฉันมีปากกา 3 ด้าม _____ d. นี่คืออะไร? มันคือแอปเปิ้ล _____
(เฉลยแบบฝึกหัดจะอยู่ท้ายเล่ม)
บทเรียนถัดไป (Next Unit)
เราจะไปเรียนเรื่อง ตัวเลข การบอกวันในสัปดาห์ และการถาม-บอกเวลาเบื้องต้นกันครับ/ค่ะ!